COVID in Babies and Kids: Symptoms and Prevention from

source : https://www.hopkinsmedicine.org/

Covid นั้นส่งผลกับคนทั่วโลก รวมถึงเด็กๆ และยิ่งเด็กเล็กนั้นไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมเท่าเด็กโต และ ผู้ใหญ่ ที่แน่ๆว่าเราไม่สามารถสวม mask หรือ face shield ให้เด็กได้ เพราะเป็นการสร้างความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในการตัดทางอากาศให้เด็กหายใจและยิ่งปัจจุบันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Omicron ที่มีอัตราการแพร่พันธุ์ที่สูงพลุ่ง ในวงกว้างและรวดเร็ว จนมนุษย์เราก็พัฒนา วิธีการป้องกันแทบจะไม่ทัน เพราะฉะนั้นแล้วการป้องกันเด็กๆและเบบี๋จากไวรัสโควิดนั้นจึงสำคัญและต้องการการดูแลเป็นพิเศษมากๆ

เราจึงนำบทความจาก Johns hopkins มาแปลให้ กับคุณพ่อคุณแม่ลองอ่านดู เพื่อประโยชน์ต่อตัวพ่อแม่และน้องนะคะ ^^
โควิดในทารก และเด็กๆ : อาการ และการป้องกัน
การระบาดของไวรัสโคโรน่ายังคงส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงทารก และเด็กๆ
ด็อกเตอร์ แอรอน มิลสโตน กุมารแพทย์ และกรรมการผู้จัดการ ของสถาบันเด็กจอร์น ฮ็อบกินส์ ชี้แจงเกี่ยวกับอาการของโควิด-19ในเด็ก ทำอย่างไรให้เด็กๆปลอดภัย เด็กที่ติดโควิดจะแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และภาพรวมของอาการ MIS-C(Multisystem inflammatory syndrome in children) หรือเด็กที่ได้รับเชื้อโควิดแล้วมีอาการอักเสบหลายระบบของอวัยวะภายใน เป็นภาวะผิดปกติ ซึ่งอาการรุนแรงอาจเกิดจากการสัมผัสกับเชื้อไวรัสโดยตรง

เด็กๆ และเบบี๋วัยหัดเดินสามารถติดโควิดได้หรือไม่?
เบบี๋ก็สามารถติดเชื้อโควิด-19ได้ ซึ่งหลายเคสเกิดขึ้นในหมู่เด็กๆ ระบุโดยข้อมูลล่าสุดจากสถาบันกุมารเวทศาสตร์ของอเมริกา ถึงการระบาดอย่างแพร่หลายในอเมริกาของสายพันธุ์โอไมครอนที่ติดกันเยอะที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลควรเข้าใจว่าเด็กที่ได้รับเชื้อแล้วสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และยังสามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้
ในไม่กี่เคส เด็กที่ติดโควิดสามารถเกิดภาวะปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงได้ นำไปสู่อาการป่วยหนักจากเชื้อโควิด-19 และทำให้มีผู้เสียชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมควรมีมาตรการระมัดระวัง และการป้องกันการติดเชื้อในเด็กให้เหมือนกับผู้ใหญ่

อะไรคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่า และลูกๆ
สายพันธุ์ไวรัสโคโรน่า รวมไปถึงสายพันธุ์โอไมครอนที่ติดกันมากที่สุด และยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ๆได้รับการฉีดวัคซีนต่ำ
สำหรับเด็กที่อายุน้อยเกินกว่าที่จะรับวัคซีนได้(และผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน) การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่นใส่แมสเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หรืออยู่กับบ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่า
มิลสโตน กล่าวว่า “การทำกิจกรรมในร่มมีความเสี่ยงมากกว่ากิจกรรมกลางแจ้งก็จริง แต่ความเสี่ยงสามารถลดลงได้หากใส่แมส เว้นระยะห่าง ล้างมือ และมีการระบายอากาศที่ดี”
เด็กแรกเกิด และเบบี๋สามารถติดโควิดได้หรือไม่?
ในเคสที่หายากมากๆ เกิดกับผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ถ่ายทอดโรคนี้สู่ลูกน้อยของเธอ ทารกน้อยสามารถติดเชื้อภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากคลอดออกมาไม่นาน ตามที่สถาบันควบคุม และป้องกันโรคของอเมริกา(CDC) กล่าว เด็กแรกเกิดส่วนมากที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวก อาการไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการใดๆ จากนั้นจะฟื้นตัว แต่ก็มีบางเคสที่อาการสาหัส คุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีการระมัดระวังที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการรับวัคซีนเพื่อหลีกเลี่ยงไวรัสโคโรน่า

อาการของโควิดในทารก และเด็กๆ
โดยทั่วไป อาการของโควิด-19ในเด็กๆ จะไม่ค่อยรุนแรงเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ และในหนูน้อยที่ติดเชื้อบางคนอาจไม่มีสัญญาณว่าจะป่วยเลยสักนิด
อาการของโควิด-19ในเด็ก และผู้ใหญ่ได้แก่ :
• ไอ
• ไข้ หรือหนาวสั่น
• หายใจถี่ หรือหายใจลำบาก
• ปวดกล้ามเนื้อ
• เจ็บคอ
• สูญเสียการได้กลิ่น หรือการรับรส
• ท้องเสีย
• ปวดหัว
• อ่อนเพลีย
• คลื่นไส้ หรืออาเจียน
• คัดจมูก หรือน้ำมูกไหล
มีไข้หรือไอเป็นอาการทั่วไปของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ; อาการหายใจถี่จะพบในผู้ใหญ่มากกว่า เด็กๆสามารถเกิดภาวะปอดอักเสบได้ โดยอาจจะแสดงหรือไม่แสดงอาการก็ได้ พวกเขาอาจเจ็บคอ เมื่อยล้ารุนแรง หรืออาจจะท้องเสียก็ได้
อย่างไรก็ตาม อาการป่วยที่รุนแรงจากโควิด-19ที่อาจเกิดขึ้นได้ และผู้ปกครองควรระมัดระวังตัวหากลูกๆของคุณถูกวินิจฉัย หรือแสดงสัญญาณเตือนว่าติดเชื้อ

เด็กๆกับโควิด-19 : เมื่อไหร่ที่ควรเรียก 9-11(หรือควรนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน)
คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีที่สังเกตเห็นสัญญาณเตือนของลูกน้อย :
• หายใจลำบาก หรือหายใจไม่ออก
• อาเจียน
• เวียนหัวจนอาจจะหมดสติ
• อาการปากเขียวคล้ำ

ปัจจัยของความเสี่ยงต่อโควิด-19 ในเด็ก
ข้อมูลจากการศึกษาของ CDC ได้ระบุกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงมากสำหรับเคสที่รุนแรงของโควิด-19 จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
• เด็กที่อายุน้อยกว่า 2ขวบ
• กลุ่มเด็กผิวสี และเด็กชาวลาติน ที่อาจเป็นผลจากความเหลื่อมล้ำทางด้านสุขภาพ ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากโควิด-19
• เด็กที่คลอดก่อนกำหนด
• เป็นโรคอ้วน หรือโรคปอดเรื้อรัง
ถ้าคุณคิดว่าลูกน้อยป่วยด้วยอาการโควิด-19 เชื่อในสัญชาติญาณตัวเอง โดยเฉพาะหากลูกน้อยไอหรือมีไข้ ติดต่อกุมารแพทย์ผู้ดูครอบครัว หรือคลีนิกฉุกเฉินหากไม่มีหมอประจำตัว และปฏิบัติตามคู่มือดูแลอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการกักตัว และทำการตรวจ

ภาวะอวัยวะภายในร่างกายอักเสบหลายระบบในเด็กน้อยที่ติดโควิด MIS-C(Multisystem inflammatory syndrome in children)
คุณหมอโน๊ตไว้ว่าเด็กน้อยที่ได้รับเชื้อโควิดบางคนอาจจะมีภาวะอวัยวะภายในร่างกายอักเสบหลายระบบได้

ปรึกษาคุณหมอประจำตัวโดยด่วนหากลูกน้อยมีไข้ 100.4ฟาเรนไฮน์ หรือสูงขึ้นกว่า 24ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีอาการอย่างน้อยหนึ่งอย่างตามนี้
• อ่อนแอ หรือเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ
• มีผื่นแดงขึ้น
• มีอาการปวดช่วงหน้าท้อง
• อาเจียน และท้องเสีย
• ปากแดง, ปากแตก
• ตาแดง
• มือ หรือเท้าบวม

เงื่อนไขทางการแพทย์ในเด็ก

เด็กน้อยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องควรได้รับการดูแลอย่างไร?
เล็กซี่ เดอโลน ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตเด็กจากสถาบันเด็กจอห์นฮ็อบกินส์ กล่าวว่า “คนที่ดูแลลูกน้อยของคุณคือแหล่งข้อมูล เป็นเรื่องปกติหากจะถามคุณหมอของลูกน้อยเกี่ยวกับวิธีการเฉพาะในการรักษาเบบี๋ในขณะที่มีการป้องกันโควิด และถ้าลูกน้อยได้รับวัคซีนที่มีความเหมาะสม”
บางครั้งการไปเยี่ยมที่โรงพบาบาล และการติดตามอาการสามารถเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องมือสื่อสารแทนได้ แต่ในการรักษาอื่นๆ จำเป็นต้องดูจากอาการที่ปรากฎของลูกน้อย “คุณผู้ปกครองสามารถเตือนลูกๆ ได้ว่าการเข้ารับการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกๆสุขภาพดี” เดอโลนกล่าว “ลูกคนโตและคนกลางจะเข้าใจดีว่าร่างกายของพวกเขาอาจกำลังต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากขึ้นในการต่อสู้กับไวรัส
คุณผู้ปกครองทั้งหลายสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกๆได้ว่าโรงพยาบาลตระหนักถึงจุดอ่อนของผู้ป่วย และได้มีการเตรียมการพร้อมป้องกัน
หอบหืด : เด็กๆที่เป็นโรคหอบหืดอาจมีอาการที่รุนแรงหากติดโควิด-19 และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่ ไม่มีข้อบ่งชี้ในเด็กส่วนใหญ่ที่เป็นโรคหอบหืดจะมีอาการรุนแรงขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ต้องสังเกตให้ดี หากอาการหนักขึ้น โทรหาคุณหมอเพื่อปรึกษาขั้นตอนต่อไป และมีการประเมินที่เหมาะสมตามความจำเป็น เตรียมยาของลูกน้อยให้พร้อมอยาเสมอ และดูแลเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆที่ทำให้โรคหอบหืดของลูกน้อยกำเริบ
โรคเบาหวาน : ควบคุมน้ำตาลในเลือดคือสิ่งสำคัญ เด็กๆที่เป็นเบาหวานหากได้รับการดูแลที่ดีโอกาสติดโควิดจะน้อยกว่า แต่หากควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีจะส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ รวมไปถึงคุณหมอควรดูแลลูกน้อยให้ดี สำหรับสัญญาณเตือน และอาการที่แสดงอาจจะต้องได้รับการประเมิน

วิธีปกป้องลูกๆของคุณจากโคโรน่าไวรัส และโควิด-19
พาลูกน้อยของคุณไปฉีดวัคซีน
ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสถาบัน รวมถึงสถาบันจอห์นฮ็อบกินส์ เชื่อว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19มีประโยชน์มากต่อเด็กๆ โดย CDC ได้แนะนำวัคซีนสำหรับเด็ก 5ขวบขึ้นไป
ปกป้องเด็กๆที่อายุน้อยจากโควิด-19
สำหรับเด็กๆที่อายุน้อยเกินกว่าจะได้รับวัคซีน มิลสโตนกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเด็กๆปลอดภัยยิ่งขึ้น คือการหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนที่ติดโควิด(หรือมีความเสี่ยงที่จะติด) รวมไปถึงคนในครอบครัว ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นสามวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องลูกน้อยจากการได้รับเชื้อ
รักษาระยะห่างทางกายภาพ คนที่ลูกๆคุยด้วยบ่อยที่สุด และยิ่งคุยกันนานมากแค่ไหน ความเสี่ยงในการติดเชื้อจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
• เด็กๆควรห่างจากคนนอกบ้านอย่างน้อย 6ฟุต
• เช็คให้แน่ใจว่าสถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน(ถ้าหากเปิด) มีมาตรการเว้นระยะห่าง
• จำกัดการเล่นตัวต่อตัวกับเด็กคนอื่นๆ และต้องแน่ใจว่าเด็กๆสวมหน้ากากอย่างถูกต้อง
• ต้องมั่นใจว่าจำกัดการใกล้ชิดกับเด็กคนอื่นและผู้ใหญ่ที่อ่อนแอ เช่นผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ
สวมหน้ากาก สายพันธุ์เดลต้าที่ติดกันเยอะกำลังแพร่ระบาด การสวมหน้ากากป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสและการระบาด นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ CDC และ สถาบันกุมารศาสตร์ของอเมริกา แนะนำให้สวมหน้ากากสำหรับเด็ก เกรดK-12 แม้ได้รับวัคซีนครบแล้วก็ตาม ตามข้อมูลยังคงสนับสนุนให้ใส่แมสในโรงเรียนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ มิวสโตนแนะนำให้ผู้ปกครองช่วยสอนเด็กน้อยให้ใส่แมสก่อนกลับไปเรียน เพื่อให้เด็กๆเกิดความคุ้นชินที่จะใส่แมสในชั้นเรียน
ล้างมือให้สะอาด เด็กๆควรล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ จาม ไอ หรือสั่งขี้มูก ก่อนทานข้าว(แม้กระทั่งตอนจะทานของว่าง) และทันทีหลังกลับเข้าบ้าน
มิลสโตนแนะนำให้ผู้ปกครองสอนลูกๆให้ล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่กับน้ำอุ่น อย่างน้อย 20วินาที “พวกเด็กๆสามารถจับเวลาได้จากการร้องเพลง ABC ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20วินาทีจบเพลง” เขากล่าวว่าหากไม่มีสบู่และน้ำอุ่น ตัวเลือกรองลงมาก็คือเจลทำความสะอาดมือที่มีแอลกอลฮอลล์อย่างน้อย 60%
เด็กๆที่ไม่ทำตาม มิลสโตนกล่าว “หากลูกปฏิเสธการล้างมือ หรือรู้สึกไม่สบายใจเมื่อถูกขอให้ทำ ลองให้เป็นรางวัลเล็กๆน้อยๆ เช่นสติ๊กเกอร์ เพื่อปลอบใจ ชื่นชมทุกครั้งที่ลูกน้อยล้างมือ” นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรล้างมือเป็นตัวอย่างบ่อยๆ
เด็กๆ และครอบครัวลดความเสี่ยงจากไวรัสโคโรน่าไปด้วยกัน
แม้ว่าในเคสส่วนใหญ่โควิด-19 ดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อสุภาพเด็กๆน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในเด็ก คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยได้ดังนี้ :
ไปตามนัดให้ครบ เช็คให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน ทันทีที่มีสิทธิ์ เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือวัคซีนอื่นๆ
รู้สัญญาณและอาการโควิด-19 คอยเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในเด็ก
ไอ จาม อย่างระมัดระวัง “เตือนให้ทุกคนในครอบครัวไอและจามที่ข้อศอกแทนการใช้มือปิด และล้างให้สะอาดทุกครั้ง” มิลสโตนกล่าว “ทิ้งทิชชู่หลังใช้แล้ว”
อย่าเอามือไปจับหน้า ผู้ปกครองควรเตือนลูกๆให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิลสโตนกล่าวว่าการพกของเล่นซึ่งจะทำให้มือของเด็กๆไม่ว่างนั้นสามารถช่วยได้ แต่ผู้ปกครองต้องหมั่นทำความสะอาดของเล่นนั้นๆเป็นประจำ
รักษาความสะอาด เช็ดของเล่นและสิ่งที่ลูกน้อยต้องสัมผัสเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทาง หรืออยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย ทำความสะอาดพื้นที่บ้าน และเก็บน้ำยาทำความสะอาดให้พ้นมือลูกน้อย
จัดการกับความวิตกกังวลและความเครียด การพูดคุยกันภายในครอบครัว สามารถช่วยระบุสิ่งที่กลัวและชี้แจงข้อเท็จจริง นอกจากนี้จะช่วยให้ครอบครัวได้วางแผนในกรณีที่มีใครป่วย ขัดกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
“เด็กๆจะมองมาที่คุณเมื่อต้องตัดสินใจเกี่ยวกับโควิด-19 หากคุณจิตใจสงบและมีการเตรียมความพร้อม เด็กๆจะรู้สึกแบบเดียวกัน” มิลสโตนกล่าว

translated by V, evo.b admin team
Back to Top